วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

ประวัติส่วนตัวนางสาว สุวรรณา จำปาทอง



ประวัติส่วนตัว




นางสาว สุวรรณา จำปาทอง


เกิดวันที่17เดือน กุมภาพันธ์พ.ศ 2540


ที่อยู่ 33 ม.5 บ้านตาฮ้อ ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์


บิดา-มารดา นาย ปัญญา  จำปาทอง

                 นางเสงี่ยม จำปาทอง


วิชาที่ชอบ สุขศึกษา พละศึกษา



วิชาที่ไม่ชอบ ภาษาไทย อังกฤษ


อาชีพที่อยากเป็น  ครู




มหาลัยที่อยากเข้าศึกษาต่อ มหาลัยเทคโนโลยีสุรนารี


แผนที่ 



การจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผัดกาดขาว

ขนมผักกาด (ไช้เถ่าก้วย)




                  

ขนมผักกาด หรือที่คนจีนเรียก ไช้เถ่าก้วย..   ขนม (อาหาร) จีนโบราณที่คนรุ่นปัจจุบันไม่ค่อยรู้จักกันนัก นอกจากคนเชื้อสายจีนที่พ่อแม่เคยทำให้ทานตอนเด็กๆ ในช่วงเทศกาลกินเจ หรือเทศกาลอยากกิน (เจ)  แต่ก็มีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่เคยทาน และติดใจในรสชาดของขนมผักกาดที่เป็นแป้งขาวๆ ก้อนสีเหลี่ยมที่เค้านำมาผัดลักษณะเดียวกับผัดไทยบ้านเรา.... แต่ถ้าหากได้ลอง ขนมผักกาดทรงเครื่องแบบโบราณที่จะแนะนำในอีกไม่กี่นาทีนี้.....อาจจะลืมเจ้าก้อนขาวๆ เหลี่ยมๆ ไปเลยก็ได้ค่ะ...

ตัวผู้เขียนเองรู้จักไช้เถ่าก้วยตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ เพราะเกิดในตระกูลเชื้อสายจีนแต้จิ๋วแท้ๆ และติดใจในรสชาดตั้งแต่ได้ลิ้มรสครั้งแรก...  จนผ่านมาเกือบยี่สิบปีถึงคิดจะสืบทอดฝีมือการทำขนมไช้เถ่าก้วย (ทรงเครื่อง) จากต้นตระกูล เพราะกลัวรสชาดที่ติดปากจะหายไปพร้อมๆ กับกาลเวลา... ถึงตอนนี้ผู้เขียนทำจนเป็นซิกเนเจอร์ของขนมโฮมเมดที่บ้านแล้วค่ะ....

ลองทำทานเองในช่วงเทศกาลกินเจนี้นะคะ อย่างที่บอกสูตรนี้ได้มาจากต้นตระกูล เพราะฉะนั้นผู้เขียนจะคงส่วนผสม และเครื่องปรุงไว้เดิมๆ หากใครอยากปรับเป็นเจก็เพียงแต่ลดหมู ลดกุ้งลง เปลี่ยนเป็นเผือก ก็จะได้ไช้เถ่าก้วยทรงเครื่อง (เจ) ที่ต้องการค่ะ...

สิ่งที่ต้องเตรียม.
 หัวไช้ท้าว ปลอกเปลือกออก ล้างให้สะอาด สไลด์หรือขูดเป็นเส้นๆ ๒ กก. (ขูดแล้ว), หมูสันนอกนุ่มๆ ๑/๒ กก. หั่นเต๋าแล้วหมักทิ้งไว้อย่างน้อย ๑ คืนกุ้งแห้ง ๑ ขีด ล้างสะอาดแล้วต้มน้ำทิ้ง ๑ น้ำถั่วลิสงต้ม ๒ ขีด  (แช่น้ำทิ้งไว้ก่อน ๑ คืน จะได้สุกไว), เห็ดหอม ๕-๖ ดอก ล้างสะอาด แช่น้ำจนนิ่ม แล้วนำมาหั่นตามยาวบางๆ, คึ่นฉ่าย และต้นกระเทียม ๑ กำ ล้างสะอาด ซอยหยาบๆ, แป้งข้าวเจ้า ๑/๒ กก., แป้งมัน ๑-๒ ชต.

                  

เครื่องปรุง. น้ำตาล ๑ ชต., เกลือ ๑ ชต., พริกไทย ๑ ชต.  (สามารถปรับได้ตามรสชาดที่ต้องการ)

วิธีทำ.  (ขั้นตอนนี้แนะนำให้ใส่ถุงมือ เพราะหากไช้ท้าวสัมผัสถูกมือจะแสบเล็กน้อยค่ะ)

๑. เทแป้งข้าวเจ้า และแป้งมันลงในภาชนะทรงกลมค่อนข้างใหญ่ คลุกให้เข้ากัน

๒. ใส่หัวไช้ท้าวที่ขูดเป็นเส้น (เทน้ำที่ออกมาจากหัวไช้ท้าวออกให้หมดก่อน) ตามด้วยส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดลงไป

๓. ใสเครื่องปรุงทั้งหมดตามลงไป

๔. คลุกเคล้าส่วนผสม และเครื่องปรุงทั้งหมดด้วยสองมือ ขยำเบาๆ จนทุกอย่างเข้ากันดี หากแห้งไปสามารถใช้น้ำที่แช่เห็ดพรมลงไปเล็กน้อย หากมีน้ำที่เกิดจากหัวไช้ท้าวขณะที่นวด ไม่ต้องตกใจค่ะ



๕. แบ่งใส่ภาชนะตามที่ต้องการ นำไปนึ่งหนึ่งชั่วโมงครึ่ง (เวลาของการนึ่งขึ้นอยุ่กับภาชนะที่นำมาใส่ด้วยค่ะ หากภาชนะลึกหรือใหญ่มากก็ใช้เวลามากหน่อย หากทำทีละน้อย ใส่ถ้วยเล็กๆ ประมาณครึ่งถึงสีสิบห้านาทีก็พอค่ะ) สามารถเช็คว่าสุกได้ที่หรือยังสำหรับคนทำครั้งแรก โดยการใช้ไม้ลูกชิ้น หรือตะเกียบทิ่มดู หากไม่ติดเนื้อขึ้นมาถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ)

๖. เมื่อสุกแล้ว ยกออกจากซึ้ง รอจนขนมเย็น แล้วนำเข้าตู้เย็นแช่ช่องธรรมดา ๑ คืน เพื่อให้ขนมฟอร์มตัวพร้อมทานค่ะ



ผู้เขียนใช้เวลานึ่งครั้งละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เพราะทำครั้งละจำนวนมากๆ (ทั้งทานเอง ทั้งแจก)  และภาชนะที่นำมาใส่ค่อนข้างลึก แถมไม่เหมือนชาวบ้านอีกค่ะ.... ตัวภาชนะผู้เขียนขอเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างมากค่ะ (เพราะไม่อยากเป็นคนโบราณ) ๕๕..



เมื่อเราได้ไช้เถ่าก้วยที่ทำจากฝีมือเราเองแล้ว ทีนี้ไม่ว่าจะนำมานึ่ง (อุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟ) หรือจะนำมาทอดให้พอกรอบนอกนุ่มใน หรือจะนำมาผัด.....ก็...อร่อยยยยย.... ลองทำดูนะคะ...

                       

                                             ทอดแบบกรอบนอก นุ่มใน ทานเป็นของว่างในวันสบายๆ

                      

                            อุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟสักสองนาที ทานกับซ้อสพริก เป็นอาหารสุขภาพมื้อเช้า

                      

                                   หรือนำมาผัดเป็นขนมผักกาดทรงเครื่องก็อร่อยอย่าบอกใครเชียวค่ะ

วิธีผัดก็ไม่ยากค่ะ โดยการเตรียมเครื่องตามรูปนี้นะคะ เครื่องปรุงก็มีน้ำตาล พริกไทย พริกป่น น้ำส้มสายชู ซี่อิ๊วขาว และซ้อสหอยนางรม

   

๑. ทอดไช้เถ่าก้วยพักใส่จานไว้

๒. ตั้งกะทะน้ำมันเล็กน้อยให้ร้อน ใส่กระเทียมลงผัดพอหอม ตามเห็ดหอมผัดจนขึ้นหอม ตามด้วยหัวไช้โป๊วซอย เต้าหู้ซอยและถั่ว่ลิสงต้ม ผัดให้เข้ากันอย่างเร็วๆ พักไว้อีกด้านของกะทะ

๓. ใส่น้ำมันเล็กน้อยลงกะทะอีกด้าน ตอกไข่ไก่ลงไป ยีเบาๆ ให้ทั่ว เกลี่ยเครื่องที่ผัดไว้ลงบนไข่ ใส่ใบกุ้ยช่ายและถั่วงอกลงไป

๔. ขั้นตอนนี้ค่อนข้างเร็ว หลังจากใส่ถั่วงอกและใบกุ้ยช่ายหั่นลงไปแล้ว เหยาะน้ำส้มสายชูเล็กน้อย น้ำตาล พริกไทย พริกป่นเล็กน้อยซี่อิ๊วขาว และซ้อสหอยนางรม ผัดให้ทั่วแบบเร็วๆ ชิมรส ตักใส่บนไช้เถ่าก้วยที่ทอดพักใส่จานไว้ เสิรฟ์พร้อมถั่วงอก ใบกุ้ยช่าย ถั่วลิสงป่น และมะนาว เท่านี้ก็อร่อยเป็นมื้อเย็น หรือต้อนรับแขกผู้มาเยือนแล้วค่ะ

หมายเหตุ: ที่ต้องแยกทอดไช้เถ่าก้วยพักใส่จานไว้ต่างหาก เพราะไช้เถ่าก้วยเราปรุงรสไว้เรียบร้อยแล้ว หากนำลงไปผัดพร้อมกัน จะเค็มเกินไปค่ะ


แม่นันขออนุญาติกลับเข้ามาอัพเดทเพิ่มเติมข้อความเกี่ยวกับขนมผักกาดค่ะ....

เนื่องจากขนมผักกาดเป็นอาหารที่หาทานยาก เพราะปัจจุบันอาหารโบราณๆ ของคนจีนหลายๆ อย่างเริ่มจะถูกลืมเลือนไปพร้อมๆ กับบรรพบุรุษของเรา และไม่ค่อยมีทำจำหน่ายกัน...  แม่นันมักจะได้รับโทรศัพท์บ่อยๆ หลังจากเขียนเรื่องการทำขนมผักกาดผ่านบล็อกโอเค บ้างก็สอบถามเรื่องขั้นตอนการปรุง บ้างก็โทรมาถามว่ามีหน้าร้านมั้ย มีจำหน่ายมั้ย อยากทาน..จนกลายเป็นเพื่อน เป็นลูกค้ากันไปหลายราย...


ส่วนตัวแม่นันจะทำขึ้นมาแน่ๆ ในช่วงเทศกาลเชงเม้ง เทศกาลกินเจ และวันครบรอบวันตายของคุณพ่อคุณแม่ หรืออากง อาม่าของเด็กๆ ไหนๆ ต้องทำอยู่แล้วแม่นันก็จะเปิดพรีออเดอร์เผื่อเพื่อนๆ ผู้ปกครองที่ต้องการนำไปไหว้เหมือนกัน จึงอยากฝากมายังห้องนี้ว่าหากใครที่ชอบทานมากๆ อยากทำเองแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง สามารถโทรสอบถามขั้นตอนการทำเป็นการส่วนตัวได้ค่ะที่ 089 2012737 หรือจะสั่งทำเพื่อนำไปไหว้ในช่วงเทศกาลต่างๆ  ก็สามารถพรีออเดอร์ได้ค่ะ เพราะแม่นันเปิดพรีออเดอร์ผ่านเฟสบุ๊คมาได้เกือบห้าปีแล้วค่ะ โดยจะเปิดพรีออเดอร์กันประมาณเดือนละครั้งสองครั้ง หรือหากด่วนมากๆ สามารถบอกแต่เนิ่นๆ ได้ค่ะ หรือจะลองแวะเข้าไปชิมอาหารเมนูอื่นๆ ได้ที่หน้าเพจข้างล่างนี้ค่ะ เข้าไปกดไลค์ให้แม่นันด้วยนะคะ อยากได้แฟนเพจเยอะๆ อิอิ...



https://www.facebook.com/media/set/?set=a.493272437417114.1073741834.201756519902042&type=3

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=934191

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%94


https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%94+(%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2)&espv=2&biw=1600&bih=799&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ei=e8QoVOi8OYuSuQTX0YKABg&ved=0CAYQ_AUoAQ

http://www.youtube.com/watch?v=zUrfC8zc9mw




ดอกหน้าวัว

ดอกหน้าวัว


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลำต้น
หน้าวัวเป็นไม้อายุหลายปี อวบน้ำลำต้นตรง โดยจะมีการแตกหน่อเลื้อยมีการเจริญยอดเดียว เมื่อยอดเจริญสูงขึ้นอาจพบรากบริเวณลำต้น โดยจะแตกเมือมีความชื้นเพียงพอ เนื่องจากเป็นพืชระบบรากอากาศสามารถดูดน้ำและความชื้นจากอากาศได้ดี

ช่อดอก
ส่วนช่อดอกของ หน้าวัวหรือที่เรียกว่า ปลี คือ ส่วนที่เป็นดอกจริง ซึ่งประกอบด้วย ก้านช่อ ซึ่งมีดอกย่อยเล็กเรียงอัดแน่นอยู่บนปลี ดอกย่อยนี้เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ที่มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย อยู่ในดอกเดียวกัน ดอกที่อยู่บนก้านดอกนี้จะมีสีต่างๆหลายสี
เมื่อจานรองดอกคลี่ปลีออกจะมีสีเหลืองอ่อน หรือสีปนแดง ตามสายพันธุ์ ดอกที่อยู่โคนปลีจะเปลี่ยนเป็นสีขาว ไล่ไปปลายปลี แสดงว่า ดอกบาน และเมื่อตุ่มยอดเกสรตัวเมียเริ่มมีน้ำเหนียว ๆ แสดงว่าดอกนั้นพร้อมที่จะผสมเกสรตัวผู้จะบานภายหลังเกสรตัวเมีย ดังนั้นหน้าวัวส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีโอกาสผสมตัวเอง ยกเว้นบางสายพันธุ์ นอกจาก นี้เกสรตัวผู้ของหน้าวัวลูกผสมส่วนใหญ่ จะมีเกสรตัวผู้ฟุ้งเมื่ออุณหภูมิเย็น โดยมากมักจะผสมในช่วงฤดูหนาว

การแบ่งพันธุ์
พันธุ์ของหน้าวัวมี 2 สายพันธุ์

  • สายพันธุ์ ประเภท Anthurium andraeanum แบ่งได้เป็น 4 สีดังนี้
    • จานรองดอกสีแดง สายพันธุ์ที่พบ ดวงสมร กรุงธน นครธน กษัตริ์ศึกธนบุรี บางกล จอมพล กรุงเทพฯ แดงนุกูล ดาราไทย
    • จานรองดอกสีส้ม สายพันธุ์ที่พบ พันธุ์ผกามาศ ผกาทอง ตราทอง สุหรานากง โพธิ์ทอง
    • จานรองดอกสีชมพู สายพันธุ์ที่พบ พันธุ์ศรีสง่า ศรียาตรา จักรเพชร
    • จานรองดอกสีขาว สายพันธุ์ที่พบ พันธุ์ขาวนายหวาน ขาวพระสังขศาสตร์ ขาวคุณหนู
  • Anthurium schzerianum สายพันธุ์นี้มีจานรองดอกสีแตกต่างกัน ไม่นิยมปลูกเลี้ยงในเมืองไทย เพราะต้องการความเย็นและความชื้นสูงโดยความโดดเด้นของพันธุ์นี้ปลีงอ หรือเป็นเกลียวปลูกเป็นไม้ตัดดอก และไม้กระถาง
  •  
ความนิยม
สหรัฐอเมริกา นิยมใช้หน้าวัวพันธุ์สีแดงและสีแดงอ่อนมาก โดยคิดเป็น 80% ส่วนอีก 20% เป็นสีชมพู และสีขาว
ในทางฝรั่งเศสและสวิสเซอร์แลนด์ นิยมสีแดงและสีส้ม
การปลูก
สามารถปลูกลงในกระถางที่มีการรองพื้นด้วย เครื่องปลูกที่โปร่ง เช่น กาบมะพร้าว ได้ หรือจะไปปลูกบนต้นไม้ ก้อนหินก็ได้เช่นกัน

โดยวิธีการที่นิยมมีดังนี้
1.            การตัดยอด ทำได้เมือ ต้นสูงขึ้นจากระดับเครื่องปลูกและมีราก 2-3 ราก นำไปปลูกลงในกระถางใหม่โดยใส่ยาเร่งรากเพื่อให้แตก
2.            การแยกหน่อ หน้าวัวบางพันธุ์มีหน่อมาก เช่น พันธุ์ดาราทอง โดยสามารถแยกหน่อลงไปปลูกได้เลยเพราะมีการแตกรากที่สมบุรณ์แล้ว
3.            การตัดต้นชำ ทำการตัดชำ แล้วนำท่อนพันธุ์ไปใช้ชำในทรายหรืออิฐทุบก้อนเล็ก ๆ ที่ขึ้นอยู่เสมอ จะเกิดต้นใหม่ขึ้นมาตามข้อหรือปล้องนั้น เมื่อต้นมีรากก็แยกไปปลูก
4.            การขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นวิธีการที่ผลิตหน้าวัวได้เป็นจำนวนมาก แต่มีปัญหาในการทำความสะอาดเนื้อเนื้อ เพราะหน้าวัวเป็นพืชที่ชอบความชื้น ฉะนั้นจึงทำให้มีทั้งเชื้อราและแบคทีเรียตามต้นพันธุ์มาก เมื่อต้นอ่อนเจริญเติบโตในหลอดอาหารเพียงพอที่จะย้ายลงไปปลูกในกระถางได้นำไปเลี้ยงต่อในโรงเรือนที่ชื้นสม่ำเสมอ โดยในะระยนี้ต้องมีเวลาในการดูแล เอาใจใส่มิฉะนั้นต้นจะตายง่ายโดยการขาดความชื้น
5.            การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ใช้สำหรับการปรับปรุงพันธุ์เท่านั้น เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่มีลักษณะดีกว่าพันธุ์เดิม โดยมีการผสมเกสรในช่วงฤดูหนาว แต่มีโอกาสที่หน้าวัวจะติดเมล็ดเองมีน้อย เพราะเกสรตัวผู้และตัวเมียบานไม่พร้อมกัน โดยมากเกสรตัวเมียบานแล้ว จึงมีละอองเกสรตัวผู้ จะบานไล่จากโคนปลี ผู้ที่ทำการผสมจะต้องใช้ พู่กันหรือบนที่สามารรถนำ เกสรตัวผู้ไปผสมได้ หลังจากเมือผสมได้ ปลีจะเริ่มบวมเพราะได้รับการผสมแล้ว รอจนแก่ นำไปเพราะได้

ความหมายของ ดอกหน้าวัว
ถ้าจะให้เป็นดอกไม้แทนใจแล้วละก็ความหมายของดอกหน้าวัวนั้นก็อาจจะฟังดูเศร้าๆ ไปหน่อย และความหมายแทนใจของเขาก็คือ หญิงสาวผู้เหงาเศร้า แต่หยิ่งและทรนงค์ในศักดิ์ศรีของตัวเองแต่ถ้าจะให้เป็นดอกไม้แทนความรักแล้วละก็มีความหมายที่ดีไม่แพ้ใครเลยซึ่งความหมายนั่นก็คือ ความรักที่มั่นคงและอดทนแต่ถ้าใครจะใช้ดอกหน้าวัวแทนความหมายอะไรก็ใช้ให้ถูกนะค่ะ และใครอยากจะนำดอกไม้ชนิดไปใช้ในการจัดดอกไม้ จัดซุ้มดอกไม้ ซุ้มงานแต่ง หรืออื่นๆ ก็สามารถลองนำไปประยุกต์ใช้กันได้นะค่ะ และทางเราเองก็มีบริการในการนำดอกไม้ชนิดนี้มาใช้ในการ จัดดอกไม้งานแต่งงาน







http://www.youtube.com/watch?v=IWuiKCzupZw